PhotoTherapy แสงบำบัด
การใช้แสง ไม่ว่าจะเป็นแสงเลเซอร์ , IPL หรือ LED เพื่อแก้ไขปัญหาผิวพรรณนั้น แสงที่ใช้ในการรักษามีทั้ง แสงที่มองเห็น (Visible Light) และ แสงที่มองไม่เห็น (Invisible Light)
แสงแต่ละสีจะมีความยาวคลื่นต่างกัน จากรูปจะพบว่า
แสงสีม่วงและฟ้า จะมีความยาวคลื่น “สั้น”
แสงสีส้มแดง จะมีความยาวคลื่น “ยาว”
แสงแต่ละสี หรือ แสงแต่ละความยาวคลื่นนั้น จะส่งผลต่อส่วนประกอบของผิวหนังที่แตกต่างกัน และทำให้เกิดผลการรักษาที่แตกต่างกันออกไป ดังรูป
แสงแต่ละสีมีวัตถุประสงค์ในการรักษาที่แตกต่างกัน เรียงลำดับจากความยาวคลื่นต่ำไปสูง ดังนี้
- แสงสีฟ้า (ความยาวคลื่น 450-495 นาโนเมตร) เหมาะสำหรับการรักษาสิว ลดการอักเสบของผิวหนังชั้นตื้น ๆ
- แสงสีเขียว (ความยาวคลื่น 495-570 นาโนเมตร) เหมาะสำหรับรักษาเม็ดสี รอยดำ รอยแดงในชั้นหนังแท้
- แสงสีเหลือง (ความยาวคลื่น 570-600 นาโนเมตร) เหมาะสำหรับรักษาเม็ดสีในชั้นลึก รอยด่างที่เกิดจากเม็ดสี และระบบการทำงานของน้ำเหลือง
- แสงสีส้ม-แดง (ความยาวคลื่น 600-650 นาโนเมตร) เหมาะสำหรับรักษาการอักเสบของผิวหนังชั้นลึก , ลดการอักเสบของแผลที่เกิดจากการผ่าตัด , กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และกระชับกล้ามเนื้อ
- แสงสีแดง (ความยาวคลื่น 830 นาโนเมตร) มีการศึกษาวิจัยว่าสามารถกระตุ้นการหายของบาดแผลได้ ทำให้บาดแผลหายเร็วขึ้น และอาการปวดจากการมีบาดแผลลดน้อยลง
ประโยชน์ที่เกิดจากการใช้แสงบำบัดดังกล่าวจำเป็นต้องการรับการดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางให้เหมาะกับผิวของแต่ละท่าน ทั้งขนาดความเข้มของแสง และระยะเวลาที่ใช้ในการรักษา เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในแต่ละท่าน และหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงจากการรักษาอีกด้วย
ข้อดีของการรักษาด้วย PhotoTherapy
- ลดการอักเสบจากการผ่าตัด ทำให้บวมน้อย
- ลดอาการปวดหลังการผ่าตัดได้ดี
ข้อเสียของการรักษาด้วย PhotoTherapy
- สำหรับการรักษาผิวหน้าและสิว อาจต้องทำต่อเนื่องกันหลายครั้งจึงจะเห็นผลชัดเจน
แสงบำบัด (PhotoTherapy) เป็นวิธีการรักษาใหม่ ที่ช่วยลดการอักเสบของผิวหนังที่เกิดจากสิว หรือ การผ่าตัด เป็นวิธีการที่แพร่หลายอย่างมากในประเทศเกาหลี ที่นำมาใช้หลังการผ่าตัดเกือบทุกชนิด และผ่านการรับรองมาตรฐานจาก FDA ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว