การฉีดโบท็อกซ์
ปัจจุบันคนเราหันมาใส่ใจตัวเอง ดูแลตัวเองกันมากขึ้น สนใจสุขภาพรูปร่างหน้าตาของตัวเอง โดยเฉพาะเทรนด์หน้าเด็ก หน้าเรียว สวยใสไร้ริ้วรอย กำลังมาแรง ตัวช่วยหนึ่งนอกจากการดูแลรักษาสุขภาพ ออกกำลังกาย เลือกอาหารสุขภาพแล้ว ก็คือ การฉีดโบท็อกซ์ (BOTOX) เพื่อลดริ้วรอย ลดกราม ทำให้หน้าเรียว นั่นเองค่ะ
โบท็อกซ์ (BOTOX®) คือ ชื่อทางการค้าของยาชนิดหนึ่ง เป็นสารสกัดจากจุลินทรีย์ที่มีชื่อว่า Clostridium botulinum มาทำให้บริสุทธิ์ มีลักษณะเป็นผงละเอียดสีขาว เมื่อนำมาละลายในน้ำเกลือใช้ฉีดเข้าที่กล้ามเนื้อเพื่อให้เกิดการคลายตัว ผลการรักษาเพื่อลดริ้วรอย ลดขนาดของกล้ามเนื้อกราม ทำให้หน้าเรียวมากขึ้น
การรักษาโดยการฉีดโบท็อกซ์
ร่องลึก และริ้วรอยบนใบหน้าอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น อายุมากขึ้น การแสดงออกทางสีหน้า การหัวเราะ การขมวดคิ้ว ซึ่งล้วนส่งผลให้เกิดการหดตัวของกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า เมื่อนานวันรอยเหล่านี้ก็จะลึกและคงอยู่ให้เห็นบนใบหน้า ทำให้เกิดริ้วรอยย่นก่อนวัยอันควร การกำจัดริ้วรอยด้วยการฉีดโบท็อกซ์ ไม่จำเป็นต้องพึ่งศัลยกรรมที่อาจจะทำให้เกิดรอยแผลเป็นหรือระยะเวลาที่ให้แผลหาย ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลเรื่องความเจ็บปวด หรือ การดูแลรักษาแผลหลังรับการรักษา
โบท็อกซ์ออกฤทธิ์อย่างไร
แพทย์จะนำโบท็อกซ์มาฉีดเข้าที่บริเวณรอยย่นเพื่อให้ออกฤทธิ์ต่อกล้ามเนื้อมัดนั้นๆ ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว ผลที่ได้ตามมาหลังการฉีดคือ รอยย่นของผิวหน้าจะน้อยลง หรือ ถ้านำมาฉีดบริเวณกล้ามเนื้อกราม จะทำให้กล้ามเนื้อกรามเล็กลงทำให้หน้าเรียวขึ้น
วิธีการฉีดโบท็อกซ์
การฉีดโบท็อกซ์จะใช้เข็มขนาดเล็กในการฉีดจึงเจ็บน้อยมาก โดยทั่วไปไม่ต้องอาศัยยาชาเฉพาะที่ ภายหลังการฉีดสามารถกลับไปทำงานหรือทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติโดยไม่ต้องพักฟื้นในโรงพยาบาล ยาจะเริ่มออกฤทธิ์ภายหลังจากฉีด 7-14 วัน และอยู่ได้นาน 6-8 เดือน
ตำแหน่งที่จะฉีดโบท็อกซ์
- ฉีดเพื่อลดริ้วรอยบนใบหน้า
- รอยคิ้วขมวด
- รอยย่นบนหน้าผาก
- รอยตีนกาหรือรอยย่นบริเวณรอบดวงตาและใต้ตา
- ฉีดเพื่อปรับรูปหน้าลดกราม
- บริเวณอื่นๆ เช่น
- บริเวณคอ
- ฉีดยกคิ้ว
- ข้างจมูกและปาก เพื่อลดการยิ้มเห็นเหงือก (Gummy Smile)
- รอยบุ๋มของคาง
การออกฤทธิ์ของโบท็อกซ์
การฉีดโบท็อกซ์นั้นมีฤทธิ์ชั่วคราวอยู่ประมาณ 6 เดือนหลังฉีด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการตอบสนองต่อยาของแต่ละบุคคล อย่างไรก็ตามเพื่อป้องกันภาวะดื้อยาไม่ควรฉีดบ่อยหรือถี่กว่า 3 เดือน/ครั้ง
ความปลอดภัย และผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้
โบท็อกซ์เริ่มแรกใช้เป็นยาในการรักษาโรค เช่น โรคกล้ามเนื้อกระตุก โรคไมเกรน โบท็อกซ์ได้มีการใช้ทางการแพทย์มากว่า 10 ปี ในกว่า 60 ประเทศทั่วโลก ต่อมาเริ่มนำมาใช้ในการแพทย์เพื่อชะลอวัยแและความสวยงาม (Anti-aging and Aesthetic medicine)
ผลข้างเคียงที่พบได้บ้าง คือ อาการบวมช้ำเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด , การอ่อนแรงชั่วคราวของกล้ามเนื้อใกล้เคียงซึ่งทำให้หนังตาหรือคิ้วตกได้ แต่จะกลับคืนสู่สภาพปกติได้เองภายใน 1–2 สัปดาห์
อย่างไรก็ตามไม่แนะนำให้ใช้โบท็อกซ์ในหญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
หมายเหตุ
โปรดสอบถามรายละเอียดจากแพทย์ก่อนการฉีดโบท็อกซ์ และควรรับบริการจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์เท่านั้น นอกจากนี้ควรปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดเพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้