ดื้อโบท็อกซ์ ทำไงดี ?
โบท็อกซ์ (BOTOX) ในปัจจุบันเป็นที่รู้จักกันดี รู้จักกันอย่างกว้างขวาง ช่วยเพิ่มความสวย ลดริ้วรอย และทำให้หน้าเรียวด้วยการฉีดลดกล้ามเนื้อกราม ปกติแล้วเวลาเราฉีดโบท็อกซ์ พอยาออกฤทธิ์ก็จะรู้สึกหน้าตึงขึ้น ถ้าฉีดกรามมาอาจจะรู้สึกเมื่อยกรามในช่วงแรก ต่อมากล้ามเนื้อกรามก็จะมีขนาดเล็กลง
ดื้อโบท็อกซ์ มีจริงหรือ ?
คำตอบคือ “จริงค่ะ” ภาวะดื้อโบท็อกซ์นั้นสังเกตได้จากฉีดโบท็อกซ์มาแล้วจากเดิมที่ริ้วรอยจางลง คราวนี้ไม่จางลงเหมือนที่เคยฉีดมา หรือถ้าฉีดบริเวณกล้ามเนื้อกราม กรามไม่เล็กลงเหมือนที่เคยฉีด
ดื้อโบท็อกซ์ เกิดขึ้นได้อย่างไร ?
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า โบท็อกซ์ (BOTOX) ก็คือ ยา … ภาวะดื้อโบท็อกซ์ ก็คือ ‘ภาวะดื้อยา’ นั่นเอง
การดื้อยา (Drug Resistance) คือ การลดลงของประสิทธิภาพยา ในการรักษาโรคหรือสภาวะหนึ่ง ๆ
การดื้อโบท็อกซ์ เกิดจาก
- ได้รับยาในปริมาณมากเกินไป
- ได้รับยาบ่อยเกินไป
- ใช้โบท็อกซ์ของปลอม : โบท็อกซ์ปลอม กระบวนการผลิตจะคุณภาพต่ำกว่าโบท็อกซ์ที่ผลิตอย่างได้มาตฐานทำให้ได้ยาที่ไม่บริสุทธิ์ ร่างกายจะถูกกระตุ้นให้สร้างภูมิคุ้มกันมาทำลายโบท็อกซ์ได้ง่าย เมื่อร่างกายเกิดภูมิต้านทานมากมาทำลายโบท็อกซ์ ทำให้เกิดโบท็อกซ์ดื้อยาในที่สุด
ดื้อโบท็อกซ์ แล้วเป็นปัญหาอย่างไร ?
เมื่อเกิดปัญหาโบท็อกซ์ดื้อยา ฉีดไปไม่ได้ผลอีกแล้ว เนื่องด้วยโบท็อกซ์ทุกยี่ห้อ คือ โบท็อกซ์ชนิด Type A เช่นเดียวกันทั้งหมด
ดื้อแล้ว ก็จะดื้อทุกยี่ห้อ และดื้อตลอดไป
พออยากหน้าเรียว อยากลดกล้ามเนื้อกราม ฉีดไปก็ไม่ได้ผลแล้ว
ดื้อโบท็อกซ์แล้ว ทำอย่างไร ?
นวัตกรรมล่าสุดในการแก้ไขปัญหาดื้อโบท็อกซ์ ฉีดลดกรามแล้วไม่ได้ผล คือ
การลดกรามถาวรด้วยการใช้เลเซอร์ RadioFrequency (RF)
การลดกล้ามเนื้อกรามถาวรด้วยการใช้เลเซอร์ นั้นเป็นการผ่าตัดเล็ก แผลอยู่ภายในช่องปากคล้ายการผ่าฟันคุด เป็นวิธีการที่ได้รับการยอมรับและแพร่หลายเป็นอย่างมากในประเทศเกาหลี และยังได้มีการทำการวิจัยและตีพิมพ์ลงในวารสารทางการแพทย์ที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก
ผลการรักษาด้วยการผ่าตัดลดกล้ามเนื้อกรามถาวรนั้น ในผลดีเทียบเท่าการฉีดโบท็อกซ์ แต่ที่ดีกว่าคือ ทำครั้งเดียวจบ เห็นผลถาวร
อ่านรายละเอียด การลดกรามถาวรด้วยเลเซอร์ RF คลิกที่นี่
ส่วนการลดริ้วรอยนั้น อาจหันมาใช้เลเซอร์ช่วยยกกระชับ และกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิวหนังทำให้ริ้วรอยลดลงได้ค่ะ
One Comment
Nachanok
ต้องการลดกรามค่ะ